บันทึกไว้กันลืม ลุงแจ็คเก็ตฟ้า
ช่วงที่ผมอยู่สวีเดน ทุกๆ เช้าในวันจันทร์
อังคาร พุธ ศุกร์ เว้นพฤหัสฯ จะไปเรียนหนังสือภาษาสวีเดน เนื่องจากผมได้วีซ่าทำงาน
๑ ปี เลยได้สิทธิ์เรียนไปด้วย เขาให้เรียนฟรีเลยไป อยากรู้เหมือนกันว่าระบบที่นั่นเป็นอย่างไร
ส่วนตัวคิดว่า การเรียนที่นี่ถือว่าเบามาก อาจจะเพราะส่วนหนึ่ง
ผมเองเพิ่งอยู่ระดับเบสิกมั๊ง เลยไม่ได้เข้มงวดอะไรมากเรียนสัปดาห์ละ 4 วัน เวลา 8.30
-12.30 น. จากนั้นก็พักยาวๆ ไป สบายเนอะ
ขากลับเนื่องจากรถเมล์ที่นั่งกลับ มีแค่
ชม.ละคัน คือ ทุก xx.55 น. ผมเลยกลับช่วง 12.55 น. เลิกเรียนปุ๊บก็ไปขึ้นรถปั๊บ
ผมไม่ได้นั่งรถเมล์ที่ไทยนานแล้ว หรืออาจจะมีขึ้นบ้าง
แต่ไม่ได้เป็นกิจวัตร ส่วนมากจะใช้รถส่วนตัวมากกว่า เลยนึกไม่ออกว่าคนที่ขึ้นเที่ยวเดียวกัน
เวลาเดิมๆ จะหน้าเดิมๆ รึเปล่า แต่คิดว่าคงประมาณเดียวกัน เหมือนนักเรียนไป ร.ร. อะไรประมาณนี้มั๊ง
วันนี้ที่เขียนมา เพราะอยากจะเล่าถึงลุงคนนึง ผมเรียกว่าลุงแจ็คเก็ตฟ้า เรื่องมีอยู่ว่าอาจเพราะผมแทบจะเป็นคนเอเชียไม่กี่คนในละแวกนั้น
มันเลยดูแปลกตารึเปล่า ผมขึ้นรถเมล์มาน่ะจำใครไม่ได้หรอก แต่คนอื่นน่าจะจำผมได้ เพราะเค้าก็นั่งไปโรงเรียน
ไปทำงานกันเวลาปกติอยู่แล้ว ซึ่งขากลับผมจะเจอกับลุงแจ็คเก็ตฟ้า
ทีแรกไม่ได้สนใจลุงแกหรอก เพียงแต่วันนึงผมนั่งดูสื่อเพลินไปหน่อย
เกือบเลยป้ายรถที่ต้องลง ลุงก็ใจดีมาสะกิดเบาะข้างๆ เราให้เราพอรู้ตัวว่าถึงแล้วนะ
แกยิ้มนิดๆ ส่วนผมเขินหน่อยๆ แฮร่ ตั้งแต่วันนั้นผมเลยจำลุงแกได้เลย
สังเกตดูก่อนลุงจะลง จะม้วนยาสูบในกล่องสแตนเลสของแก
ประมาณ อีก 5 นาทีถึงป้าย แกเอาล่ะ เริ่มม้วนล่ะ ลงจากรถปุ๊บ จุดไฟแช็คปั๊บ สูบบุหรี่สบายใจ
เดินตัวปร๋อเข้าบ้านไป
หลังจากวันนั้นพอขึ้นรถมาผมก็จะเจอลุง
ซึ่งแกมีที่นั่งประจำ ฝั่งขวา เบาะ 2 ผมก็ยิ้มให้ลุงพอแบบ หวัดดีครับลุง
แล้วหาที่นั่ง
โดยส่วนตัวเท่าที่เจอคนสวีเดนโดยมากจะใจดีนะ หน้าตาเฟรนด์ลี่กันโดยมาก
ชอบช่วยเหลือ ผมเองก็อยากจะคุยกับลุงเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอะไร
จนวันนี้กลับมาอยู่ที่ไทยแล้ว อยู่ๆ
ก็นึกถึงลุงขึ้นมา เลยขอพิมพ์ความรู้สึกดีๆ เล็กๆ น้อยๆ เก็บไว้ในห้วงความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิต
😊
ปล.หารูปแอบถ่ายลุงไม่เจอแฮะ เสียดาย T^T
ความคิดเห็น