เทียบ Jambox กับ Bose Soundlink โดยรวม

เท่าที่รู้จักลำโพงบลูทูธในตลาดตอนนี้ ที่ผมรู้จัก คงมี 2 ยี่ห้อ คือ Jawbone, Bose ผมลองเล่นมาทั้ง 2 ยี่ห้อแล้ว มีข้อดีข้อเสีย สั้นๆ สรุปให้ฟังสักหน่อย คงเป็นการสรุปหลายๆ อย่างจากที่ใช้เอง
ส่วนเรื่องคุณภาพของเสียงว่า เป็นอย่างไรนั้นอยู่ที่รสนิยมจริงๆ ครับ ผมหูไม่ทอง มองในเรื่องของ Gadget ซะมากกว่า เอามาบอกเล่ากัน

การเชื่อมต่อ
Bose : ง่ายเหมือนบลูทูธยี่ห้ออื่นทั่วไป แตะๆ สักพักก็รู้วิธีแล้ว
Jambox : ถ้าเชื่อมกับเครื่องคนอื่นครั้งแรกๆ จะค่อนข้างยาก (หมายถึงว่า ผมซึ่งเชื่อมเป็นแล้ว มาเชื่อมเองยังยากเลย มันหากันไม่ค่อยเจอ) อาจเป็นเฉพาะเครื่องผมนะ

เสียง
Bose : เสียงดังชัดเจน หนักเบส สไตล์เค้าเลย
Jambox : เสียงดังสู้ไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด (เพราะตัวเล็กกว่าหลายเท่านัก) แต่จุดเด่นคือมีระบบ Live audio ที่สามารถเล่นเสียงแบบรอบทิศได้ ลำโพงไล่จากซ้ายไปขวา เรียกได้ว่า จุดขายเลยล่ะ ร้องโหกันทุกคนที่เจอ แต่ก็มีระยะที่จะฟังออกนะ

การรับโทรศัพท์ (ทำได้ด้วยนะเนี่ย)
Bose : ไม่เคยลอง
Jambox : เข้าขั้นแย่ อารมณ์ประมาณเอามาลองๆ ดูนะ ทำได้ แต่ใช้ครั้ง 2 ครั้งก็คงไม่ใช้แล้ว ประมาณนี้

ลูกเล่นอื่นๆ
Bose : ไม่มีอะไร ก็เหมือนลำโพงทั่วไป คือเปิด> เชื่อมต่อ > แล้วเสียงก็ดัง
Jambox : มี My Talk เป็นหน้าเว็บที่ใช้สำหรับเสียบลำโพงของเราเข้าไป แล้วจะสามารถปรับซอฟต์แวร์ของลำโพง (เท่มั๊ย) ให้สามารถ
  • เปลี่ยนเสียงบอกสถานะของลำโพงได้ เช่น เสียงบอกกำลังเปิดเครื่อง สามารถเปลี่ยนจาก เสียง Sexy เป็น Hero, Smart ได้ มีหลายแบบ
  • มีปลั๊กอินเสริมในตัวลำโพงให้ใช้กับมือถือ Smartphone ได้ รองรับค่ายหลักๆ คือ iPhone, Android, Windows Phone (มีนิดหน่อย), กระทั่ง BB ยังมี(บางปลั๊กอิน) เช่น Pandora เป็นต้น
เรียกได้ว่าเป็น Smart Speaker เลยทีเดียว (ตามเทรนด์หน่อย)

การพกพา
Bose : เพื่อนผมพกไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ผมว่ามันก็ดังดีนะ แต่หนัก(หว่ะ) กริยาอย่างนี้เค้าเรียกแบกดีกว่า
Jambox : ใส่กระเป๋าสะพายไป ชิวๆ ข้อนี้ Jam ผมกิน

การใช้งานกับสาย Cable ที่มีให้
ไม่มีะไรเป็นจุดเด่นเลย เพราะถ้าใช้ cable ระบบจะตัด Live Audio ออกไป ใช้แบบบลูทูธดีกว่า อีกอย่างซื้อมาเพื่อการงานนี้อยู่แล้วนี่

ระยะเวลาการใช้งาน
2 วันสบายๆ นะ ใช้แบบประมาณว่า ถึงที่ทำงานก็เปิดนู่นเปิดนี่ฟัง สักชั่วโมงสองชั่วโมง กลางวันกินข้าว บ่ายลืมเปิด นึกได้เปิดอีกทีตอนเย็นๆ ประมาณนี้ สรุปว่าแบตฯ อึดเข้าขั้นดีมาก

ราคา
Bose : 299$ เห็นต่ำสุดที่ราคานี้นะ หมื่นนึง
Jambox :  169-199$ ราวๆ 5,500 - 6,000

ประกัน
Bose : ไม่รู้
Jambox : ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในไทย ดังนั้นถ้าเสียล่ะงานเข้าเลย เช่น ของผมเองนี่ล่ะ ระบบบลูทูธมันดันมีปัญหา คือใช้โทรศัพท์เข้าออกได้ แต่เปิดเพลงฟังเสียงดันไม่ออก เรื่องหลักๆ ชัดๆ ทำไม่ได้ ผมไปค้นในเว็บดูก็เห็นว่ามีปัญหานี้กันหลายคนมากกกกกกกก แต่แนวทางที่เค้าแก้ไขให้คือ ให้โทรไปหาศูนย์มัน แล้วอย่างกระผมอยู่ที่ไทยนี่จะทำอย่างไรเล่า

ผมได้ส่งปัญหาของผมไปทางอีเมล์ เค้าก็ตอบสุภาพดีนะ แต่สุดท้ายก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือ ฝากเพื่อนที่อยู่เมกาไปเคลมให้หน่อย ตอนนี้ได้แต่ภาวนา ขอให้ผ่าน

ซื้อดีมั๊ย
Bose : ผมคงไม่ล่ะ เสียงก็ทั่วๆไป กับเงินหมื่นนึง ก็แค่ต่อบลูทูธได้ ครั้นต่อบลูทูธได้เค้าเอาไว้เคลื่อนย้าย แต่นี่ก็หนักซะ
Jambox : ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องประกันนะ ถือว่าโอเลยล่ะ กับระบบ Live Audio เนี่ย ดึบมาก พกพาก็สะดวก

หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้าง นึกอะไรออกจะมาพิมพ์เพิ่ม

ความคิดเห็น

Unknown กล่าวว่า
นานาจิตตังครับ คุณ comment บนเงื่อนไขต่างๆที่คุณมี ไม่แปลกที่จะเลือก Jawbone
เงินไม่ใช้ประเด็น คุณภาพสียง ประกันและการใช้งาน ที่ผมเน้น
คุณลองฟังแล้วจะรู้ว่าคุณภาพตามราคา หากเงินไม่ถึงก็เลือกอย่างอื่น
ผมมีอยู่ 2 ตัว ใช้งานอย่างหนัก ดูหนัง ฟังเพลง เล่นวิทยุ
ไม่มีปัญหาเคลมให้น่ากังวลใจ ต่อง่าย เปิดปิดสะดวก เพียงพอสำหรับผม
Unknown กล่าวว่า
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ